Top Secret
มันคือช่วงเวลาสั้นๆ ของความรู้สึกดีๆ ที่ฉันอยากมอบให้เธอ...
ผู้เข้าชมรวม
142
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
Character
Raye ?
เด็กสาววัย15 ที่การเรียนไม่ได้เรื่อง แต่เก่งด้านกีฬา และมีความสามารถด้านศิลปะอยู่พอควร เป็นเลสเบี้ยน ชอบใส่หูฟัง ติดการ์ตูนงอมแงม หลังจากจบม.3 เธอจะไปต่อสายอาชีวะ
Mint ?
เด็กสาววัย15 ที่มีดีทั้งด้านการเรียน ศิลปะและกีฬา ชอบวิ่งและออกกำลังกายเป็นงานอดิเรก ชอบการ์ตูนแต่ไม่ได้ติดงอมแงมเหมือนเรย์ เธอมักจะยัดความรู้ต่างๆที่เธอรู้แต่เรย์ไม่รู้ใส่หัวกลวงๆของเรย์อยู่เสมอๆ มีข่าวลือว่าเธอแอบปลื้มรุ่นพี่ม.6 ที่ร.ร.อยู่ เธอเป็นคนอัธยาศัยดีจนทำให้เธอถูกเข้าใจผิดบ่อยๆว่าเธอเจ้าชู้ หลังจากจบม.3 เธอจะไปต่อ ร.ร.ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวบรวมเหล่าเด็กหัวกะทิของจังหวัดเอาไว้
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
วันที่ 17-01-2014 เวลา 15:34 น.
ณ ทางเข้า-ออกประตูโรงเรียน
"นี่ มิ้นท์ สรุปวันนี้ไปร้านหนังสือปะ?"
"อื้อ ไป เออ เรย์ แกรู้จักร้านหนังสือที่อยู่ใกล้ๆ..."
ในระหว่างที่กำลังรอเวลาที่โรงเรียนจะปล่อยนักเรียนให้แยกย้ายกลับบ้านนั้น ฉันกับเพื่อนก็กำลังคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อยโดยมีหัวข้อว่า ร้านหนังสือ คำพูดมากมายออกมาจากปากของเพื่อนโดยมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อทั้งสิ้น ฉันก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะบางทีก็ฟังไม่ทัน บางทีก็ได้ยินไม่ชัด ทำให้ฉันไม่ค่อยสนใจร้านหนังสือร้านใหม่ที่เพื่อนของฉันเป็นคนแนะนำ
มิ้นท์ เพื่อนที่ตอนนี้ฉันไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าเป็น เพื่อนสนิท เพราะหมู่นี้เราไม่ค่อยได้คุยกันแล้ว และเพราะว่าเธอคนนี้ ก็คือคนที่ฉันแอบชอบมาตั้งแต่ ม.1 ฉันเคยคิดที่จะสารภาพรักไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่กล้า กลัวสิ่งที่เธอจะตอบมา และกลัวว่าเรา จะกลับมาเป็น เพื่อน กันไม่ได้อีก
"นั่นครูปล่อยแล้วนี่ รีบเดินเร็ว"
"อ...อื้อ"
เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนไม่ได้สังเกตว่าครูที่เป็นเวรประจำวันได้เปิดประตูของโรงเรียนแล้ว ทำให้มิ้นท์รีบดันหลังให้ฉันเดินตามคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหน้าไปอย่างไม่รอช้า แต่ฉันเป็นพวกไม่ชอบเดินนำใครเพราะมันจะทำให้ฉันได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่ชัด ฉันเลยผลักตัวมิ้นท์ให้เดินนำไปก่อนแล้วฉันค่อยเดินตามหลัง ถึงแม้จะรู้สึกดีที่มิ้นท์มาสัมผัสตัวทั้งที่ไม่ได้สัมผัสกันมานาน ช่างคิดถึงเหลือเกิน ไออุ่นบางๆที่ได้รับจากการสัมผัสตัวของเธอ
อยากสัมผัสตัวเธออีกจัง... ในหัวเอาแต่คิดประโยคนี้วนไปวนมาไม่รู้กี่รอบ จนบางครั้ง ฉันอดที่จะเอื้อมมือไปแตะตัวเธอคนนี้ไม่ได้ อยากจับมือเธอแต่ก็กลัวว่าเธอจะสะบัดมือของฉันออก อยากกอดแต่ก็กลัวว่าเธอจะรู้สึกรำคาญ รู้สึกโมโหตัวเองอยู่นิดๆที่ได้แต่กังวลโดยที่ไม่ได้ทำอะไร นิสัยที่น่ารำคาญของฉัน ก็อาจจะทำให้คนรอบข้างรู้สึกรำคาญไปด้วยก็ได้
"เออ เรย์ ถ้าสมมติว่าแก เอาเฟสแกไปจีบผู้หญิงคนหนึ่งโดยที่แกบอกว่าแกเป็นผู้ชาย แล้วอยู่ๆก็มีผู้ชายอีกคนหนึ่งมาแชทกับแก โดยที่แกไม่ได้บอกผู้ชายคนนั้นว่าแกเป็นผู้หญิง แต่ผู้ชายคนนั้นกลับบอกว่าแกเป็นผู้หญิง แกจะคิดว่ายังไง?"
ประโยคคำถามแสนยาวเหยียดนี้ถูกถามออกมาระหว่างทางที่เราเดินไปที่ร้านหนังสือด้วยกัน ฉันมองหน้ามิ้นท์ครู่หนึ่งก่อนจะมองทางข้างหน้าพลางนึกคำตอบที่หัวขี้เลื่อยอย่างฉันพอจะคิดได้
"ก็คงคิดว่า...ผู้ชายคนที่ว่าอาจจะรู้จักเค้า รึไม่ก็เค้าอาจจะหลุดคำพูดที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นรู้ว่าเค้าเป็นผู้หญิง ประมาณนี้แหละ" ฉันตอบไปพลางหัวเราะแก้เก้อไปเพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันตอบไป จะตรงกับคำตอบของเธอที่คิดอยู่ในใจรึเปล่า
"อืม..." มิ้นท์ตอบรับสั้นๆ เหมือนจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจในคำตอบของฉัน ไม่รู้สิ ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้มองสีหน้าเธอซะด้วย แต่จะมองหรือไม่ก็คงไร้ค่า เพราะเธอ ชอบทำหน้าเฉยชาใส่ตลอด จนบางครั้งฉันก็ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
พอมาถึงทางม้าลายที่อยู่ใกล้กับร้านหนังสือ ฉันกับมิ้นท์ก็เดินไปริมถนนเพื่อเตรียมตัวจะข้าม ฉันมองหาจังหวะดีๆเพื่อจะข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง ส่วนมิ้นท์ เหมือนเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนั้นฉันเห็นจังหวะดีก็คิดจะข้าม แต่พอหันมามองมิ้นท์ที่ไม่ได้สนใจรถที่วิ่งอยู่บนถนนเลยนั้น ฉันก็เปลี่ยนใจทันที และไม่กี่วิ รถก็วิ่งเต็มถนนไปหมด
"เมื่อกี้ เราน่าจะข้ามไปนะ"
"..."
มิ้นท์หันมามองหน้าฉันก่อนจะมองรถที่กำลังวิ่งผ่านไปมา เธอไม่ได้พูดอะไร ไม่สิ เหมือนเธอกำลังหาจังหวะเหมาะๆพูดเรื่องที่เธอกำลังคิดอยู่ก็ได้ เพราะตอนนี้ฉันกำลังหาจังหวะที่รถทั้งสองเลนส์ถนนว่างพร้อมกันอยู่จนไม่ได้สนใจในสิ่งที่มิ้นท์พูด
หลังจากที่ข้ามมาได้ เราก็เดินตรงไปที่ร้านหนังสือ โดยมีเรื่องสัพเพเหระให้คุยฆ่าเวลาเล่น
ณ ร้านหนังสือ
พอเข้ามาถึง เธอก็เอากระเป๋าวางไว้ที่ชั้นบนสุดของที่วางกระเป๋าหน้าร้าน ซึ่งต่างกับฉันที่วางไว้ที่พื้น รู้สึกเหมือนนายผู้สูงศักดิ์กับคนใช้เลยแฮะ (ขำ) เธอเดินตรงไปที่มุมนิยายเป็นอันดับแรก ส่วนฉันเดินไปที่มุมหนังสือการ์ตูนเพื่อดูว่าหนังสือเล่มที่ฉันสะสมอยู่นั้น มีเล่มต่อมารึยัง ไม่นานนัก มิ้นท์ก็เดินตามฉันมาที่มุมหนังสือการ์ตูน และมองหาหนังสือการ์ตูนเล่มต่อของการ์ตูนที่เธอซื้อสะสมไว้
พอเลือกหนังสือการ์ตูนได้ เราก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาว์เตอร์ โชคร้ายที่วันนี้ฉันพกเงินมาน้อย ทำให้สามารถซื้อกลับบ้านมาได้เพียงเล่มเดียว ส่วนมิ้นท์ เธอซื้อกลับมา3เล่ม เธอภาวนาว่า มันต้องไม่เกิน 140 บาท ซึ่งมันก็ไม่เกินจริงๆ เนื่องจากทางร้านติดป้ายไว้ว่า ลด10% ทำให้ระหว่างทางเดินไปที่คิวรอรถโดยสาร เธอเอาแต่กดเครื่องคิดเลขหาส่วนลดของหนังสือ3เล่มนั้น
"มิ้นท์ แกจะมาร้านหนังสืออีกเมื่อไหร่?"
"..."
ไม่มีคำตอบจากปากของเธอ ฉันเลยมองหน้าเธอ เธอกำลังซีเรียสกับเงินที่จ่ายไปและส่วนลดที่ได้รับจากทางร้าน ในตอนนั้นเราก็เดินมาถึงซอยข้างๆร้านเซเว่น ถึงแม้จะเป็นซอยเล็กๆ แต่ก็มีรถผ่านมาก แต่ถึงมิ้นท์จะรู้เรื่องนี้ดี เธอก็ยังก้มหน้าก้มตากดเครื่องคิดเลขอย่างจริงจังขันแข็ง ฉันเลยจับมือเธอเดินข้ามมาเพื่อความปลอดภัย เพราะขืนปล่อยให้เธอข้ามเองก็คงโดนรถชนตายอยู่แถวนั้นเป็นแน่
สัมผัสอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันเป็นคนเริ่ม มือของเธอใหญ่กว่ามือของฉันไม่มากนัก แต่รู้สึกเหมือนกับว่ามือของเธอนั้นสามารถห่อหุ้มมือของฉันได้ทั้งมือ ถึงแม้จะเป็นมือที่แข็งกระด้าง แต่ฉันกลับรู้สึกว่ามือเธอนั้นอ่อนนุ่ม ไออุ่นจากตัวเธอกำลังแผ่มาทางปลายนิ้วของเธอมาสู่มือของฉัน ช่างอบอุ่นเหลือเกิน ถึงแม้จะได้จับมือเธอเพียงไม่กี่วิ แต่มันกลับทำให้หัวใจของฉันเต้นโครมครามจนนึกกลัวว่าเสียงหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงนี้ เธออาจจะได้ยินมันเข้า
ฉันแอบเหลือบไปมองเธอ แต่เธอกลับไม่ได้สนใจเลย ทั้งเรื่องที่ฉันจับมือเธอ ทั้งเรื่องที่ฉันพาเธอข้ามถนน ก็ดีใจอยู่หรอกที่เธอไม่ได้รู้สึกรำคาญที่ฉันทำอะไรแบบนี้ลงไป แต่ก็เสียใจที่เธอไม่สนใจในสิ่งที่ฉันทำไปเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเดินมาพักหนึ่งโดยที่เราทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันเลยนั้น มิ้นท์ก็เก็บเครื่องคิดเลขลงกระเป๋าก่อนจะหันมามองทางฉัน
"เฮ้อ คิดยังไงมันก็ได้ส่วนลดแค่14บาท"
"อือ..."
"เล่ม60บาท มันลดเหลือ54บาท แล้วก็..."
เธอสาธยายเกี่ยวกับส่วนลดพวกนั้นให้ฉันฟัง แต่ฉันเป็นพวกรู้สึกแหยงกับวิชาคณิตนอกเวลาเรียนแบบนี้มาก ทำให้ฉันไม่ได้ตั้งใจฟังซักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเธอจะรู้รึเปล่าว่าฉันกำลังเบนความสนใจไปทางอื่นที่ไม่ใช่ในสิ่งที่เธอพูด แต่ถ้าเธอรู้ ฉันคงโดนเธอบ่นยาวแน่ๆ (ขำ)
ระยะทางที่ต้องเดินไปที่คิวรอรถโดยสารนั้นเริ่มสั้นลงเรื่อยๆ เรื่องที่เราคุยกันก็ยิ่งกระชับขึ้น อาจจะได้ใจความบ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ปล่อยมัน เพราะแค่ได้คุย เราก็สนุกแล้ว บทสนทนาเริ่มน้อยลงเรื่อยๆเมื่อใกล้จุดแยกที่ฉันต้องเดินไปอีกทางหนึ่ง
"See U Raye"
"อ...อื้ม See U"
หัวใจฉันเต้นโครมครามอีกครั้ง เมื่อเธอกล่าวลาก่อนที่ฉันจะเอ่ยปากพูด นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินเธอพูดก่อนแบบนี้ ประโยคคำลานั้นก้องอยู่ในหูของฉัน รู้สึกดีใจจริงๆ ดีใจจนอยากจะวิ่งกลับไปกอดเธอให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวจะโดนเธอต่อว่า ฉันเลยจำใจข้ามไปอีกฝั่งเพื่อไปที่คิวรอรถโดยสารที่ฉันใช้โดยสารกลับบ้านอยู่เป็นประจำ
โชคร้ายที่บ้านของเรานั้นอยู่กันคนละทาง และอยู่ไกลกันค่อนข้างมาก ทำให้โอกาสที่ฉันจะได้เจอเธอ มีเพียงแค่วันจันทร์ถึงวันศุกร์เท่านั้น ฉันจะต้องอดเห็นหน้าเธอถึง2วัน ซึ่งนั่นทำให้ฉันรู้สึกเบื่อเอามากๆ และถึงแม้เราจะโทรศัพท์หากันได้ แต่เธอก็ไม่ชอบให้ใครโทร.มาตื้อบ่อยๆ มันทำให้เธอรู้สึกรำคาญ ฉันจึงไม่กล้าโทร.ไปหาเธอ รอจนกว่าจะเริ่มสัปดาห์ใหม่เพื่อได้เจอหน้าเธอ ถึงจะรู้ว่าเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันแล้วก็ตาม...
อยากให้เริ่มสัปดาห์ใหม่เร็วๆจัง... ฉันคิดพลางนึกถึงใบหน้าของเธออยู่ในใจ
ผลงานอื่นๆ ของ Hiragi-sama ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Hiragi-sama
ความคิดเห็น